นาบี เกอิต้า นักเตะมิดฟิลด์ผิวสีที่เพิ่งจะกลายเป็นนักเตะป้ายแดงของทีมยักษ์ใหญ่แชมป์ยุโรป 5 สมัยแห่งเกาะอังกฤษ ลิเวอร์พูล ได้เปิดเผยต่อสื่อเหตุผลในการตัดสินใจปฏิเสธโอกาสที่เขาจะได้ย้ายไปเล่นให้กับทีมผูกขาดแชมป์บุนเดสลีกาเยอรมัน อย่าง บาร์เยินมิวนิค รวมถึงทีมยาน แม่เจ้าบุญทุ่ม แห่งสเปน บาร์เซโลนา แต่กลับย้ายมาค้าแข้งในถิ่นแอนฟิลด์แทน โดยนักเตะวัย 23 ปีเผยว่า “มีหลายๆ ทีมให้ความสนใจในตัวผมจริงๆ แต่ถึงอย่างนั้น การตัดสินใจทั้งหมดมันขึ้นอยู่กับตัวผม ผมตัดสินใจจากตัวกุนซือ เราได้พูดคุยกันถึงแผนในอนาคตของผมมันเป็นอะไรที่น่าสนใจมาก ในช่วงที่ผ่านมาผมมองเห็นการพัฒนาของสโมสร แถมผมยังได้คุยกับเพื่อนที่เปรียบเสมือนพี่ชายแท้ๆ ของผม ซาดิโอ มาเน่ เราเคยมีเวลาร่วมกันที่ซัลบวร์กประมาณ 9 เดือน เราบอกผมถึงความสุดยอดของสโมสร การพัฒนา และสักยภาพของสโมสรในตอนนี้เป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมมาก” โดยเกอิต้าได้ตกลงย้ายมาเล่นให้กับ หงส์แดง ตั้งแต่ช่วงตลาดนักเตะหน้าหนาวเดือนมกราคมแล้ว และอยู่ช่วยทีมต้นสังกัดเก่าจนจบฤดูกาลก่อนจึงค่อยย้ายเข้าถิ่นแอนฟิลด์

“สิงห์บลู” เชลซี อีกหนึ่งทีมยักษ์ใหญ่ “พรีเมียร์ลีก”แห่งเกาะอังกฤษ ที่กำลังตกที่นั่งลำบาก หลังจากที่พวกเขาเป็นข่าวกับสโมสรจอมดูดนักเตะอย่างราชันชุดขาว ที่คาดว่าพวกเขาตั้งเป้าหมายจะดูดนักเตะคนสำคัญของ “สิงห์บลู” อย่าง “ติโบ กูร์ตัว” และ “เอเด็น อาร์ซาร์” ไปร่วมทีมใน “ลาลีกาสเปน” ทดแทนการขาดหายไปของ “คริสเตียนโน่ โรนัลโด้” ทำให้พวกเขาต้องมองหานักเตะหน้าใหม่เข้าทีมหากจะต้องเสียนักเตะคนสำคัญให้กับ “ราชันชุดขาว” ไปจริงๆ โดยล่าสุดมิดฟิลด์ฟอร์มดี มาราเล็ม ปานิช ของทางม้าลายยูเวนตุสในกัลโชเซเรียอาในอิตาลีเพิ่งจะทำการเปลี่ยนเอเย่นต์ส่วนตัวเป็น ฟาลี รามาดานี่ โดยเอเยนต์ส่วนตัวคนใหม่นี้มีความสัมพันธ์อันดีกับทางเชลซีด้วย เนื่องจากเป็นคนที่ช่วยให้ทางเชลซีได้กุนซือคนใหม่อย่าง “เมาริซิโอ ซาร์รี่” ด้วย ทำให้หลายคนต่างจับตามองว่า “รามาดานี่” อาจจะเป็นส่วนสำคัญในการที่จะช่วยให้เชลซีเจรจาดึงตัว “มาราเล็ม ปานิช” มาร่วมทีม รวมไปถึงอาจจะเป็นส่วนช่วยในการดึงตัวอีกสองคนอย่าง ดานิเอเล่ รูกานี่ และ กอนซาโล อิกวาอิน อีกด้วย แถมยังมีคนตาดีแอบเห็น “โรมัน อบราโมวิช” เจ้าของ”สโมสรเชลซี“เองเดินช็อปปิ้งอยู่ในเมืองมิลานอีกด้วย

เนย์มาร์ นักเตะซุปเปอร์สตาร์ชาวแซมบ้าที่ ณ เวลานี้ถูกจับตามองว่าเป็นนักเตะที่ชอบเสแสร้ง แกล้งล้มเพื่อตบตาผู้ตัดสินในสนาม เรียกใบเหลืองให้กับคู่แข่งที่เข้ามาแย่งบอล ล่าสุด โชเซ่ มูรินโญ่ บิ๊กบอสแห่งโอลด์แทรฟฟอร์ด ที่พาทีมปีศาจแดง จบในอันดับที่สองของพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องการพุ่งล้มนี้ด้วยเหมือนกันว่า “จริงๆ เป็นเพราะหลายๆ คนสนใจแค่ตัวของเนย์มาร์เท่านั้น เขาเป็นคนที่เล่นบอลได้อย่างน่าทึ่ง และผมก็ชอบนะเวลาเขาทำอะไรแบบนั้นได้ แต่ถ้ามองกันจริงๆ แล้ว ก็เห็นทุกทีมแหละที่พุ่งล้มกัน ทุกทีมก็พยายามจะจับตา และกดดันผู้ตัดสินในสนามตลอดเวลา มันทำให้เกมฟุตบอลด้อยคุณภาพลงไป มันไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีเลย ก็เห็นมีการพุ่งล้มกันทุกเกมไม่ใช่แค่ในเกมระหว่างอังกฤษกับโคลัมเบีย ถึงแม้ว่าจะมีการนำ VAR เข้ามาช่วยแล้วแต่นักเตะหลายๆ คนก็ยังสร้างปัญหาชวนปวดหัวให้ผู้ตัดสิน สิ่งที่ผมแปลกใจมากคือขนาดว่ากองหลังอย่าง แฮรี่ แม็คกวัย พุ่งล้มลงในกรอบเขตโทษแล้วยังจะร้องเรียกผู้ตัดสินให้ไปดู VAR ซึ่งปรกติผมไม่เคยเห็นเขาทำอะไรแบบนี้เลย ผมคิดว่านักเตะทุกคนควรสำนึกในหน้าที่การเล่นบนสนามฟุตบอลโลกต่อหน้าคนดูทั่วทั้งโลก”

ตั้งแต่ที่สโมสรม้าลาย “ยูเวนตุส” ในลีก กัลโช่เซเรียอา อิตาลี มีข่าวว่าจะพยายามดึงตัวซุปเปอร์สตาร์ลูกหนัง คริสเตียนโน่ โรนัลโด้ มาจากอ้อมอกของ “ราชันชุดขาว“ เรอัลมาดริด คาดว่าคงใช้งบไปประมาณ 100-120 ล้านยูโรสำหรับล่าลายเซ็นกัปตันทีมชาติโปรตุเกสรายนี้ ส่งผลให้ตั้งแต่ที่มีข่าวออกมาหุ้นของสโมสรยูเวนตุสมีราคาสูงขึ้นมาเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง จนทำให้ตลาดหลักทรัพย์ในอิตาลีออกมาจี้ให้ม้าลายยูเวนตุสออกมาเคลียเรื่องนี้ให้มันกระจ่างเสียที “หลังจากที่เราได้รับแจ้งจาก ตลาดหลักทรัพย์เกี่ยวกับข่าวต่างๆ ที่ออกมาจากสื่อมวลชนจำนวนมาก ทางสโมสรของชี้แจง ณ เวลานี้เลย ในช่วงที่ตลาดนักเตะยังเปิดอยู่ ทางสโมสรจะประเมินโอกาสในการเสริมทีมจากหลายๆ ช่องทาง และทางสโมสรจะให้ข้อมูลต่างๆ แก่สื่อมวลชนเท่าที่เราสามารถจะให้ได้” สโมสรม้าลาย ยูเวนตุส ออกมาชี้แจงบนเว็บไซต์สโมสร ให้ชัดเจน เกี่ยวกับข่าวการที่พยายามจะดึงตัว โรนัลโด้ จนถึงในตอนนี้ก็ยังมีกระแสข่าวออกมาเรื่อยๆ แต่ก็ยังไม่มีข่าวไหนที่ออกมาจากออฟฟิศเชียลของสโมสรเลย

ทีมเชลซี ยักษ์ใหญ่แห่งลอนดอนถึงกับสะดุ้งเมื่อปีกตัวเก่งชาวเบลเยี่ยมของพวกเขา เอเดน อาซาร์ ออกมาพูดถึงการที่ตัวเขาเองมีข่าวกับทาง “ราชันชุดขาว” เรอัลมาดริด เปรยๆ หากอนาคตกับต้นสังกัดปัจจุบันไม่สดใสก็พร้อมที่จะรับข้อเสนอจากทางราชันชุดขาว “ในตอนนี้ผมยังไม่อยากพุดคุยถึงการย้ายทีมในเวลานี้ ผมถูกถามเกี่ยวกับอนาคตการค้าแข้งของผมมาโดยตลอด สาเหตุอาจจะมาจากผมประสบความสำเร็จในลอนดอนแทบจะทุกอย่างยกเว้นก็แต่ถ้วยยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีก ใช่มันคือเรื่องจริงผมประสบความสำเร็จมามากมายที่นี่ ผมมาถึงจุดนี้ได้ก็เพราะเชลซี แต่ผมก็ยังรอคอยอยากรู้อนาคตของสโมสรในปีหน้าจะมีอะไรเกิดขึ้น  มันจะเป็นไปในทิศทางไหน ผมอาจจะอยู่ต่อก็ได้ แต่ถ้ามันไม่มีอะไรพัฒนาขึ้น หรือทุกอย่างมันดูแย่ลงมันก็ไม่แปลกถ้าผมจะอยากย้ายไป มาดริด เองก็สนใจในตัวผม ถ้าผมต้องย้ายออก แล้วพวกเขายังอยากได้ตัวผม พวกเขารู้ดีว่าพวกเขาต้องทำยังไง ทุกอย่างมันเป้นเรื่องอนาคต ตอนนี้ผมขอโฟกัสกับหน้าที่ของผมในตอนนี้กับการรับใช้ชาติในฟุตบอลโลกครั้งนี้” เอเดน ฮาซาร์ออกมาให้สัมภาษณ์ ส่วนทางด้านปีกวัย 29 ปีชาวแซมบ้า วิลเลี่ยน ที่รับใช้ทีมชาติที่ประเทศรัสเซียในตอนนี้ก็ตกเป็นข่าวในการย้ายทีมด้วยเช่นกัน โดยมีข่าวว่าเจ้านายเก่า โชเซ่ มูรินโญ่ ยังประทับใจในฝีเท้าของเขาพร้อมที่จะทุ่มเงินมูลค่า 60 ล้านปอนด์เพื่อสู่ขอปีกชาวแซมบ้ามาร่วมงานด้วยกันอีกครั้งบนเวทีโรงละครแห่งความฝัน โดยทางปีกแซมบ้ารายนี้เองก็ไม่ค่อยจะแฮปปี้บนสแตรมฟอร์ดบริดจ์สักเท่าไร หลังจากซีซั่นที่แล้วไม่สามารถรักษาตำแหน่งตัวจริงได้มากนัก ได้รับโอกาสให้ลงเล่นในเกมพรีเมียร์ลีกเพียง 20 นัดเท่านั้นเอง ทำให้อาจจะเป็นแรงจูงใจให้เขาย้ายไปค้าแข้งกับเจ้านายเก่าที่โอลด์แทรฟฟอร์ด ตามรุ่นพี่อย่าง เนมันยา มาติช ที่ย้ายจากเชลซีไปปิศาจแดงก่อนหน้านี้ก็เป็นได้ และเขาอาจจะเป็นกำลังหลักให้กับปีศาจแดงในซีซั่นต่อไป

ริยาด มาห์เรซ ปีกจอมกระชากจากสโมสรเลสเตอร์ซิตี้ ตกเป็นข่าวกับทีมแชมป์พรีเมียร์ลีกปีล่าสุดอย่าง แมนเชสเตอร์ซิตี้ อีกครั้ง หลังจากที่ทางกุนซือของ เรือใบสีฟ้า เป๊ป กวาร์ดิโอล่า สนใจในฝีเท้าของปีกแอลจีเรียรายนี้ หลังจากที่อกหักโดนทีมร่วมเมืองอย่างแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดปาดหน้าคว้าตัว อเล็กซิส ซานเชซ ไป พวกเขาได้พยายามที่จะค้าตัวมาห์เรซมาร่วมทีมให้ได้ตั้งแต่ตลาดซื้อขายนักเตะในช่วงหน้าหนาว แต่ทางสโมสรต้นจังกัดจิ้งจอกสีน้ำเงินยังไม่ยอมปล่อยนักเตะตัวเก่งออกไปเสียทีเนื่องจากค่าตัวที่ทางเรือใบสีฟ้าให้มาไม่เป็นที่น่าพอใจ เนื่องจากทางเลสเตอร์ซิตี้ตั้งค่าหัว มาห์เรซ ไว้สูงที่ 95 ล้านปอนด์ แต่คิดว่าในตลาดซื้อขายนักเตะช่วงหน้าร้อนนี้ เป๊ป กวาดิโอลา เองจะพยายามที่จะเจรจาต่อรองค่าตัวมาห์เรซกับทาง เลสเตอร์ซิตี้ อีกครั้ง ซึ่งคาดว่าน่าจะตกลงเรื่องค่าตัวกันได้ที่ประมาณ 67 ล้านปอนด์ และตัวนักเตะเองจะได้สัญญา 5 ปีกับสโมสรใหม่ ด้วยค่าเหนื่อย 200,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ ซึ่งถ้าหากทุกอย่างจบลงตามข้อตกลงที่คาดไว้นี้ มาห์เรซ จะกลายเป็นนักเตะที่มีค่าตัวสูงที่สุดของสโมสร แซงหน้าเจ้าของสถิติคนเก่าที่เพิ่งย้ายทีมมาจากสโมสรแอธเลติก บิลเบา เมื่อต้นปีอย่าง เอมเมอริค ลาปอเต้ ด้วยค่าตัว 57.2 ล้านปอนด์

 เจ้าบุญทุ่ม “บาร์เซโลน่า” หรือที่ใครๆ ต่างเรียกกันว่าเป็นทีมต่างดาว ได้ออกมาประกาศยืนยันอย่างเป็นทางการในการคว้าตัว อาร์ตูร์ มิดฟิลด์ดาวรุ่งวัย 21 ปี จากสโมสรเกรมิโอ ในลีกบราซิลมาเป็นที่เรียบร้อย โดยอาร์ตูร์ตกลงเซ็นสัญญาค้าแข้งในลีกลาลีกาสเปน กับบาร์เซโลน่าเป็นระยะเวลา 6 ปี ด้วยค่าตัว 31 ล้านยูโร ซึ่งตามกำหนดเดิมพวกเขาตกลงกับทางสโมสรต้นสังกัดในบราซิลจะให้อยู่ช่วยทีมจนถึงสิ้นปีนี้ แต่เนื่องด้วยจากการตัดสินปล่อยมิดฟิลด์แซมบ้ารุ่นพี่อย่าง เปาลินโญ่ ให้กลับไปเล่นลีกในประเทศจีนกับสโมสรกว่างโจวเอเวอร์กรานเด้อีกครั้งด้วยสัญญายืมตัวระยะเวลา 1 ปี ดังนั้นทีมต่างดาวจึงตัดสินดึงตัวมิดฟิลด์ดาวรุ่งมาทดแทนในทันที โดยในสัญญาค้าแข้งของอาร์ตูร์มีข้อกำหนดในการฉีกสัญญาไว้ที่ 400 ล้านยูโร โดย อาร์ตูร์ เองถูกยกให้เป็นเด็กเทพ FM(Football Manager) เกมการจัดการทีมบนคอมพิวเตอร์อีกด้วย ซึ่งคนที่ถูกยกให้เป็นเด็กเทพใน FM ที่สามารถก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะระดับแนวหน้าของโลกก็มีมาแล้วอย่าง เอเด็น อาซาร์ ปีกจอมพลิ้วของสโมสรเชลซี และกำลังของทีมชาติเบลเยี่ยมในเวลานี้ ทีมต่างดาวอาจจะมองเห็นอะไรบางอย่างในตัวมิดฟิลด์แซมบ้ารายนี้ถึงได้ตั้งค่าฉีกสัญญาสูงถึงขนาดนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้ทีมใดฉกตัวไป

แกเร็ธ เซาธ์เกต  (Gareth Southgate) กุนซือทีมชาติอังกฤษ ที่เขามาคุมทีมพร้อมกับผ่าตัดทีมครั้งใหญ่โดยไม่สนใจคำวิจารณ์ใดๆ ทั้งการเลือกใช้ผู้เล่นส่วนใหญ่ที่เป็นนักเตะประสบการณ์ไม่มาก และเรียกหน้าใหม่ติดทีมหลายๆ คน ทำให้แฟนบอลต่างจับตามองผลงานของเขาตั้งแต่ก่อนจะเริ่มทัวร์นาเม้นฟุตบอลโลก 2018 แต่เขาก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าลูกทีมที่เขาเลือกมาสามารถทำผลงานได้อย่างไม่น่าผิดหวัง แถมยังพาทีมผ่านเข้ารอบมาเล่นในรอบตัดเชือกฟุตบอลโลก 2018 รอบสุดท้ายที่รัสเซียได้ โดยเขาพาลูกทีมของเขาเข้ามาได้ถึงในรอบรองชนะเลิศซึ่งจะต้องตัดสินกับโครเอเชียสำหรับตั๋วรอบชิงชนะเลิศใบสุดท้าย แต่พวกเขาก็ต้องมาหยุดเส้นทาง ฟุตบอลโลก 2018 ไว้เพียงแค่รอบรอง หลังจากแพ้ให้กับโครเอเชียในช่วงต่อเวลาพิเศษไปอย่างน่าเสียดาย 1-2 ทั้งๆ ที่พวกเขาออกนำก่อนตั้งแต่ 5 นาทีแรก โดยนายใหญ่สิงโคตำรามออกมาเผยรู้สึกภูฒิใจในตัวลูกทีมของเขาทุกคนถึงแม้จะไม่ได้เข้าชิงก็ตาม “พวกเราต่างรู้กันดี ทีมของพวกเราเป็นทีมที่มีประสบการณ์น้อยกว่าหลายๆ ทีมในทัวร์นาเม้นนี้ สิ่งที่จะช่วยพวกเขาได้มีเพียงแค่ต้องให้พวกเขาลงเจอกับเกมแบบนี้ให้มากๆ คู่แข่งของพวกเราครั้งนี้มีทั้ง ลูก้า โมดริช กับ อิวาน ราคิติช นักเตะที่มีประสบการณ์ในเกมสำคัญๆ มามากมาย แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็ภูมิใจมากนะ กับการเล่นของลูกทีมผม พวกเขาทำให้เห็นแล้วในทุกนัดที่ลง ซึ่งเราสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนจากแฟนบอลของพวกเรา พวกเรารู้สึกไม่ต่างกัน ตอนนี้มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ที่จะพูดอะไรเพื่อปลอบใจพวกเขาที่เพิ่งจะผิดหวังมา แต่ในขณะเดียวกันการพ่ายแพ้ครั้งนี้จะเป็นประสบการณ์ให้พวกเขาในวันข้างหน้า สำหรับการลงเล่นให้กับทีมชาติอังกฤษ” แกเร็ธ …

ฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย 2018 ที่ประเทศรัสเซียใกล้ถึงบทสรุปสุดท้ายเข้าไปทุกที ในเวลานี้มีเพียงแค่ 4 ชาติ จากทั้งหมด 32 ชาติในรอบสุดท้ายที่ประเทศรัสเซีย ได้แก่ ทีมชาติอังกฤษ ทีมชาติโครเอเชีย ทีมชาติเบลเยี่ยม และ ทีมชาติฝรั่งเศส โดยประเดิมคู่แรกของรอบรองก็มาแบบสะใจคนดูเมื่อยักษ์ใหญ่ทีมตราไก่ ฝรั่งเศส จะลงฟาดแข้งกับเบลเยี่ยม ที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม และเพิ่งจะส่งเต็งหนึ่งแซมบ้าตกรอบกลับบ้านไป โดยทีเด็ดของ “ทีมตราไก่” คือเกมรุกที่มีความน่ากลัวเป็นอย่างยิ่งจากการประสานงานกันระหว่างเด็กนรกที่แจ้งเกิดฝีเท้าต่อสายตาชาวโลกให้ได้เห็นหนุ่มน้อยชาวฝรั่งเศส คิเลี่ยน เอ็มปั๊ปเป้ และนักเตะซุปเปอร์สตาร์ที่หลายๆ สโมสรหมายปองจากสโมสรตราหมีแอธแลนติโก้มาดริด อองตวน กรีซมัน ทั้งคู่ต่างโชว์ผลงานได้อย่างท็อปฟอร์มตลอดทัวร์นาเม้นนี้ ด้วยทักษะ และการจ่ายบอลที่แม่นยำของกรีซมัน บวกกับความเร็วความคล่องตัวของเอ็มปั๊ปเป้ที่มีต้องบอกเลยว่าในเวลานี้หาตัวจับได้ยากมาก นอกจากเกมรุกที่น่ากลัวทีมตราไก่ยังมีห้องเครื่องที่คอยเก็บกวาดก่อนจะถึงกองหลังอย่าง เอ็นโกโร่ กองเต้ พร้อมทั้งกองกลางตัวตัดผม พอล ป็อกบา ที่ถ้าองค์ลงประทับร่างการจ่ายบอลของเขาแต่ละครั้งคือว่าได้เสียวกันเลยทีเดียว แต่ทางเบลเยี่ยมที่เข้ามาถึงจุดนี้ได้ไม่ใช่เพราะโชคช่วย แต่เพราะด้วยรายชื่อนักเตะแต่ละคนที่กำลังอยู่ในช่วงท็อปฟอร์ม รวมไปถึงระเบียบวินัยในการเล่นเกมรับอย่างรัดกุมที่ส่งให้แซมบ้ากลับไปบ้านก่อนหน้านี้มาแล้ว เบลเยี่ยมมีจุดเด่นๆ ในเกมรุกคือ ริมเส้นที่คอยเก็บบอล สร้างสรรค์โอกาสให้เพื่อน และเป็นคนที่เมื่อบอลอยู่กับเท้าของเขาแทบจะไม่มีใครแย่งเอาไปได้อย่าง เอเด็น อาซาร์ …

แกเร็ธ เซาธ์เกต ผู้จัดการทีมคนใหม่ของ ทีมชาติอังกฤษ ที่สามารถพาทีมชาติอังกฤษเข้าสู่ ฟุตบอลโลก 2018 รอบ 4 ทีม สุดท้ายได้ และเส้นทางในสายที่พวกเขาอยู่ ทีมชาติอังกฤษเป็นตัวเต็งที่จะคว้าโอกาสเข้ารอบชิงชนะเลิศได้สูงมาก ทำให้แฟนบอลทีมชาติอังกฤษที่เคยผิดหวังจากผลงานทีมรักเมื่อในอดีต และสงสัยในตัวเขา เปลี่ยนใจกลับมารัก และเทิดทูนนายใหญ่คนใหม่รายนี้ ทำไมเซาธ์เกตถึงได้เป็นที่รักของแฟนบอลมีหลายๆ สาเหตุ เช่น การจัดการตัวผู้เล่น การวางแผนก่อนเริ่มเกม รวมไปถึงการตัดสินใจแก้เกมในสนามของเขาถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ทำได้ดีตลอดที่ทัวร์นาเม้นฟุตบอลโลกเริ่มขึ้น การที่นายใหญ่รายนี้เป็นคนกล้าที่จะผ่าตัดทีมชาติอังกฤษโดยไม่สนใจเสียงวิพากษ์วิจารณ์ใด ทำให้พวกเขาได้มีทีมชาติอังกฤษชุดใหม่ที่ยังหนุ่มยังแน่น มีความฟิตในการที่จะลงสนาม มีอนาคตที่ดูแล้วเหมือนจะไปได้อีกไกล และสิ่งสุดท้ายน่าจะเป้นการที่นายใหญ่รายนี้เป็นคนที่วางตัวได้อย่างเหมาะสมตลอดเวลาที่เขาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนที่เข้ามาทำข่าว เขามีความเป็นสุภาพบุรุษเป็นอย่างมาก โดยในขณะนี้เขายังต้องพาลุกทีมพลังหนุ่มของเขาทำศึกฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซีย ในรอบ 4 ทีมสุดท้ายต่อไป